รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
จริง ๆ แล้วไม่ใช่หมายความว่า พอประทับจิตปึ้งวันนี้ เสร็จปุ๊ป ทุกคนระดับเท่ากันหมดเลย เป็นมหาอาจารย์ ที่ยิ่งใหญ่เท่ากันหมด ไม่ใช่อย่างงั้น การรู้แจ้งนี่มีอยู่หลายระดับ ขึ้นอยู่กับว่า แบ็คกราวน์ หรือว่า พื้นฐานของเรามีความเป็นมายังไง […]ยิ่งเราขยันบำเพ็ญเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้แจ้งมากขึ้น มากขึ้น เพราะฉะนั้นการรู้แจ้งเนี่ย ตามที่ท่านอาจารย์สอนจะมี หลายระดับ ตั้งแต่รู้แจ้งในระดับต่ำ จนกระทั่งจุดสูงสุดที่เราเรียกว่า ความเป็นพุทธะหรือบุดดาฮูด อันนี้ก็คือการรู้แจ้ง ในระดับที่สมบูรณ์ ซึ่งแต่ละคน จะใช้เวลา แตกต่างกัน พระพุทธเจ้าใช้เวลาในการบำเพ็ญ ประมาณหกปี ถึงจะถึงระดับพุทธะ มหาอาจารย์ต่าง ๆ ในโลกนี้ ที่เราเคยได้ยินว่า เป็นมหาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ใช้เวลาแตกต่างกัน ในการบำเพ็ญ เพื่อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดนี้ พวกเราก็เช่นเดียวกัน ถ้าสมมติว่าเรารู้วิธี ที่จะบำเพ็ญ เรารู้สายตรง เรารู้หลักที่จะช่วย ให้เราก้าวขึ้นไป ในที่สุดเราก็สามารถไปได้ […]จริง ๆ แล้ว ความสามารถ ในการถึงระดับพุทธะ พระพุทธเจ้าเองก็ตรัสไว้ชัดเจนว่า เราทุกคนมีความเป็นพุทธะ อยู่ภายในอยู่แล้ว เราพูดง่าย ๆ ว่า เราทุกคนนี่มี พลังอันนี้ มีความสามารถอันนี้ ที่จะสามารถไปถึงได้ เพราะฉะนั้น สานุศิษย์ของ พระพุทธเจ้า หลาย ๆ ท่าน ก็สามารถไปถึงได้ หลังจากที่ได้ศึกษา กับพระพุทธเจ้าเอง เพราะฉะนั้น ในการดำเนินไปถึงจุด จุดหนึ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ก็มีความจำเป็นที่เราจะต้องมี มหาอาจารย์หรือท่านอาจารย์ ท่านใดท่านหนึ่งมาช่วยชี้นำ มาช่วย แนะแนวว่าวิธีการทำอย่างไรนะครับ […]แต่จริง ๆ แล้วเป้าหมายหรือว่า หลักของมันก็คือการถ่ายทอดธรรม (คำสอนที่แท้จริง) ซึ่งการถ่ายทอดธรรมนี้ เป็นการถ่ายทอด โดยไม่ใช้ภาษา โดยไม่ใช้คำพูด เพราะฉะนั้นเป็นการนั่งสมาธิ แล้วท่านอาจารย์ก็จะช่วย เปิดจิตให้เราเห็นขึ้น ท่านอาจารย์เปรียบการประทับจิตนี้ เหมือนกับว่าเรานี้มี ทรัพย์สมบัติอยู่แล้ว เรามีของอยู่ในมือแล้ว อยู่ในตัวเรา แต่เราไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน มันอาจจะอยู่ในห้อง ซึ่งล็อคกุญแจอยู่ แล้วเราไม่เคย ได้นำมันออกมาใช้ หน้าที่ของอาจารย์นี่ ไม่ได้หมายความว่าจะมาแผ่พลัง เปรี้ยง แล้วเรา ก็กลายเป็นผู้รู้แจ้ง […]Photo Caption: खुश खुले दिल के साथ जीवन जीना