ค้นหา
ไทย
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
ชื่อ
การถอดเสียง
ต่อไป
 

ผีก่อกวนประกาศอย่างผิด ๆ ว่า เขาคือพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า ตอนที่ 6 ของ 9 ตอน

รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ในยุคสิ้นสุดธรรมะ พระจะไม่ใช่พระ บางทีบางคน อาจไม่ใช่พระที่แท้จริงก็ได้ บางคนสวม ผ้ากาสาวพัสตร์ (กาษายะหรือจีวรพระ) สีสันสดใส เหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า - พระภิกษุปลอมเหล่านี้ ชอบสวมผ้ากาสาวพัสตร์สีสันสดใส พระปลอม ยังกินเนื้อ (ชาวสัตว์) และดื่มแอลกอฮอล์ เล่นการพนัน – สารพัดสิ่งที่พระปลอม ทำกันในปัจจุบัน และการล่วงละเมิดเด็ก ล่วงละเมิดสตรี และบุรุษ มันอยู่ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต โอ้ ฉันหวังว่าจะไม่เคย ค้นพบสิ่งนั้นเลย โอ้ มันรู้สึกรบกวนใจจริง ๆ ฉันหวังว่าฉันจะไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ ฉันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ตลอดหลายทศวรรษ นับตั้งแต่ฉันออกมาทำภารกิจของฉัน ฉันเพิ่งได้ยินมาเมื่อไม่นานนี้เอง บางแห่งกล่าวว่า บาทหลวงคาทอลิก ทำบาปเหล่านี้มากขึ้น ล่วงละเมิดเด็ก หรือแต่งงานกับเพศเดียวกัน ล่วงละเมิดผู้หญิง ผู้ชาย และอื่น ๆ

ฉันบอกว่าชาวพุทธไม่มีสิ่งนั้น ฉันแทบจะไม่เคยได้ยินมัน โอ้พระเจ้า ฉันคิดผิดไปมากเลย ฉันคิดผิดไปมาก ฉันเคยบอกว่าเพราะพระ ในศาสนาพุทธมีศีล 250 ข้อ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ มีรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับ หลักศีลธรรมทุกประเภท ที่คุณจะต้องรักษาไว้ ดังนั้น พระสงฆ์จึงไม่สามารถ ทำการล่วงละเมิดทางเพศ หรือลวนลามผู้ศรัทธาคนอื่น หรือพระภิกษุและภิกษุณีคนอื่นได้ โอ้ พระเจ้า ฉันคิดผิดไปมากเลย ฉันไม่ได้อ่านอะไร ในอินเทอร์เน็ตมากนัก ฉันไม่เคยต้องการอ่าน เมื่อไม่นานมานี้ ฉันต้องการรู้ เกี่ยวกับสันติภาพในโลก ดังนั้น ฉันจึงเปิดดู และกล่องแพนโดราก็หลุดออกมา ร่วงหล่นลงมา ทั่วทุกที่ ฉันหวังว่า ฉันไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ทั้งหมด มันรบกวนฉันมากเกินไปจริง ๆ มันทำลายภาพลวงตาของฉัน ฉันอ่านเจอว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า มารจะส่งลูก ๆ ของเขา ไปบวชเป็น ภิกษุและแม่ชี แล้วใช้จีวรและเครื่องแต่งกาย ของภิกษุทั้งหลายนี้เพื่อทำลาย คำสอนของพระพุทธเจ้า

“เมื่อพระศากยมุนีพุทธเจ้า กำลังจะเข้าสู่พระมหาปรินิพพาน พระองค์อัญเชิญราชาปีศาจ และทรงบัญชาว่า ‘คุณควรปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ตามกติกาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่าละเมิดพวกเขา’ ราชาปีศาจตอบว่า ‘ดังนั้น ท่านต้องการฉัน ให้ปฏิบัติตามกฎของท่าน? ดี ในช่วงบั้นปลาย ธรรมะของท่าน ฉันจะสวมเสื้อผ้าของท่าน กินอาหารของท่านและ ถ่ายอุจจาระในบาตรของท่าน’ ความหมายของเขาคือสิ่งนั้น เขาจะทำลายพระธรรม จากภายใน เมื่อพระพุทธองค์ทรงได้ยินดังนั้น พระองค์ทรงกังวล พระองค์ทรงพระกรรแสงแล้วตรัสว่า 'ไม่มีอะไรจริง ๆ ที่ฉันสามารถทำอะไรเกี่ยวกับคุณได้ วิธีการของคุณ คือพิษร้ายแรงที่สุด ทำลายล้างที่สุด’” ~ ความเห็น โดยพระอาจารย์ ซวนฮัว (มังสวิรัติ) ที่เคารพ ของพระศูรางคมสูตร

แล้วพระพุทธเจ้าก็ทรงพระกรรแสง โอ้ พระเจ้า พระพุทธเจ้าทรงมีความอ่อนไหว มีความรักและมีเมตตาอย่างยิ่ง พระองค์ถึงขั้นทรงพระกรรแสง เมื่อเห็นกระดูกของสตรี หลังจากที่สตรีตายไปแล้ว กระดูกของสตรีจะเป็นสีดำ ไม่เหมือนกระดูกสีขาว ของบุรุษ เพราะสตรีต้องเสียเลือด เป็นประจำทุกเดือน มีลูก และต้องดูแล ลูกและสามี ดูแลบ้าน และอื่น ๆ อีกสารพัด ร่างกาย ของพวกเธอก็เลยไม่ค่อยแข็งแรง หลังจากตายไปแล้ว กระดูกทั้งหมดจะกลายเป็นสีดำ และพระพุทธเจ้าทรงพระกรรแสง ต่อหน้ากองกระดูกสตรี กองโต คุณจะเห็นได้ว่าพระพุทธเจ้า เป็นผู้มีความรัก ความกรุณา และความเมตตากรุณามากเพียงไร ผู้ที่ติดตามพระองค์ จะไม่เคารพพระองค์มากพอ ที่จะปฏิบัติตาม คำสอนของพระองค์ และ สอนเรื่องความชอบธรรม ความประพฤติทางศีลธรรม และแม้แต่ความเมตตาได้อย่างไร? ฉันแทบไม่ได้ยิน พระสงฆ์รูปได้ในปัจจุบัน พูดถึงความเมตตา หรือพยายาม สอนสาวกให้เน้นย้ำถึง ความรักที่พระพุทธเจ้าต้องการ ให้ผู้คนรักษาไว้ หล่อเลี้ยง เติบโต และ ดำเนินชีวิตด้วยความรัก

แล้วฉันก็ถามเกี่ยวกับ ข้อตัดสินทั้งสี่ ที่นักบุญแห่งศาสนากาวด่าย ให้กับเหว่บู๋ ฉันถามว่า “เหตุใดท่านจึงบอกฉัน?” พวกท่านกล่าวว่า เพราะฉัน มีวิธีเผยแพร่เรื่องนี้ แก่ผู้เชื่อของพวกท่านทั่วโลก เพื่อให้คนทั้งโลกรู้ ได้มากกว่าแค่ผู้ศรัทธา กาวด่ายทั่วไป พวกเขาบอกฉันว่า โลกภายในต้องการให้ผู้คนรู้

แล้วฉันก็พูดว่า “แต่ก่อนเขาเคยสรรเสริญฉัน บางทีอาจเข้าใจผิด เขาเข้าใจผิดหรืออะไร?” พวกเขากล่าวว่า “ไม่ใช่ เขาจงใจ” เขา “บิดเบือนทุกสิ่งเพื่อให้ตรงกับ ความปรารถนา ความทะเยอทะยานต่ำ ๆ ของเขา” แต่เขาทำให้มันยุ่งไปหมด ฉันคิดว่าเขาไม่มี ปัญญาพอ เขาแค่อยากได้ตำแหน่ง แต่แล้วเขาจะทำอะไรกับมัน เพื่อโลกล่ะ? ตลอดหลายทศวรรษมานี้ เขาแค่กินและนอนและไม่ได้ทำ อะไรมาก แค่อาศัยศาสนากาวด่าย เพื่ออยู่รอดและอาจพูดคุย กับคนภายนอก ให้ถวายของแก่เขา และตอนนี้เขาต้องการตำแหน่ง

ฉันจึงถามว่า “ทำไมก่อนหน้านี้ เขาจึงยกย่องฉัน?” ตอนที่ฉันเห็นครั้งแรก ฉันก็คิดว่า "โอ้ เขาเป็นคนดี มีปัญญา เขาเป็นใคร?" แต่ฉันไม่มีเวลาตรวจสอบ เกี่ยวกับเขามากนัก ต่อมาฉันจึงขอให้ลูกศิษย์ หาคำตอบ พวกเขาก็พูดกับฉันว่า "โอ้ เหว่บู๋คือ ร่างทรงคนหนึ่งในศาสนากาวด่าย" แล้วฉันก็เลยรู้ ฉันพูดว่า "โอ้ เขาเป็นกาวด่าย ทำไมเขาถึงยกย่องฉัน? พวกเขาควรยกย่อง นักบุญของตนเอง” เพราะศาสนากาวด่าย เป็นศาสนาที่ให้ที่รู้แจ้งอย่างยิ่ง เป็นสัญลักษณ์ของดวงตา ที่อยู่ตรงกลางหน้าผาก ที่เราทุกคนรู้ มันคือดวงตาที่สาม ดวงตาแห่งปัญญา ดวงตาแห่งจิตวิญญาณ

ผู้ก่อตั้งลัทธิกาวด่าย ได้เห็นพระเนตรของพระเจ้า ในนิมิตครั้งหนึ่งขณะที่ท่านประทับ อยู่บนชายหาดของมหาสมุทร แต่ไม่ใช่ว่าท่านเห็นมัน ที่ชายหาดนะ เพราะตอนนั้น ท่านได้เชื่อมต่อกับภายในแล้ว แม้ว่าท่านจะมองเห็น มหาสมุทรอยู่เบื้องหน้า ท่านก็ได้เชื่อมต่อกับ โลกภายในขั้นสูงแล้ว โดยมีนักบุญและนักปราชญ์ แสดงนิมิตให้ท่านเห็น แสดงคำสอนบางอย่าง ผ่านนิมิตนั้นให้ท่านเห็น ความหมายที่เน้นย้ำให้ผู้คน ผู้ศรัทธา ควรจะเพ่งความสนใจ ไปที่ดวงตาที่สาม ในขณะที่พวกเขากำลังทำสมาธิ สรรเสริญหรือบูชา เพราะดวงตาที่สาม คือจุดที่คุณควรเพ่งความสนใจ ซึ่งเราได้สอนในช่วงประทับจิต ของธรรมวิถีกวนอิมด้วยเช่นกัน

ฉันจึงพูดว่า "แล้วทำไมเขา (เหว่บู๋) ต้องยกย่องฉันด้วยล่ะ? เพื่ออะไร?” ตอนนั้นฉันไม่ได้อ่านที่เขาเขียน ในอินเทอร์เน็ตมากนัก ฉันเพิ่งอ่านครั้งหนึ่ง ว่าเขายกย่องฉันและ แบบเห็นใจฉัน ฉันแปลกใจและประทับใจ ฉันพูด "ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น?" ดังนั้น พระองค์ท่าน กษัตริย์กาวด่ายจึง บอกฉันจริง ๆ ว่า "เพราะเหว่บู๋ ต้องการลูกศิษย์ของท่าน..." ท่านพูดแบบนี้เลย ฉันใส่เครื่องหมายคำพูดไว้: "เพราะ เหว่บู๋ อยากให้ลูกศิษย์ของท่านเชื่อใจเขา หลังจากนั้นเขาจะมี กลยุทธ์มากขึ้นเพื่อเข้ารับ ภารกิจของท่าน ซึ่งท่านสร้างขึ้น ด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา เขาอ้างว่าตัวเองเคยเป็น อาจารย์ของท่านมาก่อนในอดีตชาติ ซึ่งล้วนเป็นของปลอม” นี่คือสิ่งที่เหล่านักบุญบอกฉัน: "ด้วยเหตุผลเดียวกันนั้น – เพราะเขาต้องการ รับช่วงภารกิจของท่าน ซึ่งท่านสร้างขึ้นด้วยความรัก และแรงงานทั้งหมดของท่าน และเขาต้องการครอบครองมัน เพราะเขาต้องการมีอำนาจ มากขึ้น มีชื่อเสียงมากขึ้น และมีคนให้ของแก่เขามากขึ้น”

เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราว ในวัยเด็กของฉันเรื่องหนึ่ง ฉันมีอายุเพียงประมาณแปดขวบ เด็กมาก ๆ และยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา แน่นอนว่า ฉันได้เขียนบทกวีอยู่บ้าง แล้ววันหนึ่ง ฉันก็เขียนบทกวี ซึ่งยาวประมาณหนึ่งหน้า โดยใช้เนื้อหาวิชาทั้งหมด ในโรงเรียน มาร้อยเรียงเป็นบทกวี และมันสวยงามมาก และแม่นยำมาก แม่นยำมากเกี่ยวโรงเรียน เกี่ยวกับทุกวิชาที่เราเรียน และสิ่งที่เกิดขึ้น หรือสิ่งที่ครูพูด และในชั้นเรียนไหนและทั้งหมดนั้น แต่แล้วฉันก็ทำมันหาย ฉันไปบ้านเพื่อนบ้านเพื่อเอาของ บางอย่าง แล้วก็ทำมันหาย เพราะฉันคงเอาหนังสือเรียน ติดตัวมาด้วย และกระดาษ แผ่นนั้นก็แยกไว้ต่างหาก ฉันหยิบกระดาษหนึ่งแผ่น ออกมาแล้วเขียนลงไป แล้วฉันก็ทำมันหายไป จริง ๆ แล้วฉันไม่รู้ ว่าจริง ๆ แล้วทำหายที่นั่น แต่หลังจากนั้น ฉันก็รู้ว่าทำหายที่นั่น พอกลับมาบ้าน ก็หาไม่เจอ ไม่รู้จะหาจากไหน เลยไม่เป็นไร ทำยังไงได้?

วันหนึ่งฉันก็กลับไปบ้าน ของเพื่อนบ้านคนนั้นอีกครั้ง บ้านของเพื่อนบ้านคนนั้น จริง ๆ แล้วใจดีมาก พวกเขามีลูกสามคน หนึ่งคนเป็นลูกชายคนโต ฉันคิดว่าเขาเรียนมัธยมปลายแล้ว หนึ่งคนเป็นลูกสาวคนกลาง และอีกคนเป็นน้องสาวคนเล็ก และฉันบังเอิญเห็นบทกวีของฉัน อยู่บนโต๊ะของเด็กชายคนนั้น ฉันเลยบอกว่า “โอ้ เธอเจอมันแล้ว” มันเป็นบทกวีของฉัน ฉันขอมันคืนได้ไหม? เขาจ้องมองฉันอย่างเคร่งขรึม ราวกับกำลังขู่ฉัน: “ไม่ใช่! นั่นเป็นบทกวีของฉัน ไม่ใช่ของเธอ” ฉันพูดว่า “ไม่ นั่นเป็นบทกวีของฉัน” เธอดูได้ว่าฉันเขียนมัน ฉันรู้ดี” เขาพูดว่า “ไม่ใช่ของเธอ หยุดพูดซะ” ฉันก็เลยบอกว่า “แต่นั่นเป็นของฉัน” เธอสามารถเห็นลายมือของฉันได้ มันไม่ใช่การเขียนของเธอ” เขาพูดว่า “ไม่ใช่ มันเป็นบทกวีของฉัน ตอนนี้เธอไปได้แล้วหรือจะเอาวิธีอื่น”

เขาดูดุมาก ฉันกลัวมากจึงจากไป ฉันจะทำอะไรได้อีก? มันเป็นงานเขียนของฉัน! บทกวีของฉัน และเขาก็บอกว่ามันเป็นของเขา และต่อมาก็ได้นำบทกลอนนี้ ไปรับรางวัลจากโรงเรียน เพราะเป็นบทกลอน ระดับโรงเรียนที่ดีมาก เนื้อหาดังกล่าวครอบคลุมถึงวิชาต่าง ๆ ที่เราเรียนในชั้นเรียน ตั้งแต่วิชาต่ำสุดจนถึง วิชาสูงสุดในชั้นประถมศึกษา และจนถึงตอนนี้ ฉันเพียงแค่จำได้ว่า - มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร แต่ฉันจำประโยคหนึ่ง จากบทกวีนั้นไม่ได้เลย มันสูญหายไปตลอดกาล และเด็กชายคนนั้นก็ชนะรางวัล ไม่ทราบว่ารางวัลอะไร มันคงจะเป็นรางวัลวรรณกรรมดี ๆ รางวัลหนึ่งเลยทีเดียว เห็นไหมว่ามันคล้ายกันมากตอนนี้ ฉันยังคงถูกกลั่นแกล้ง แม้ว่า ฉันจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม

Photo Caption: ใครจะบอกได้บ้างว่า ใครสวยกว่ากัน – แมลงสีเขียวหรือว่าดอกไม้!

ดาวน์โหลดรูปภาพ   

รับชมเพิ่มเติม
ทุกตอน  (6/9)
รับชมเพิ่มเติม
วีดีโอล่าสุด
แบ่งปัน
แบ่งปันไปที่
ฝัง
เริ่มที่
ดาวน์โหลด
โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ
ไอโฟน
แอนดรอยด์
รับชมในบราวเซอร์ในโทรศัพท์มือถือ
GO
GO
Prompt
OK
แอพ
สแกนโค้ดคิวอาร์ เลือกระบบโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เพื่อดาวโหลด
ไอโฟน
แอนดรอยด์