ค้นหา
ไทย
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
ชื่อ
การถอดเสียง
ต่อไป
 

หาที่ลี้ภัยใน ประเพณีศาสนาที่ดีได้ที่ไหน ตอนที่ 5 จาก 11 ตอน

รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม

ผู้คนก็ยังกล้าที่จะ เผยแพร่ข้อมูลเท็จ อย่างแม้แต่พระ พูดจาไร้สาระ ปฏิเสธ พระพุทธเจ้าทั้งหลายและทั้งหมดนั่น และเจิ่มตั๋ม เขาปลอมพินัยกรรมของฉัน ฉันไม่เคยมีพินัยกรรมให้ใครเลย เพียงแค่บทกวีของฉัน ฉันทำมันเพื่ออดีตคู่หมั้นของฉัน เมื่อนานมาแล้ว – หลายทศวรรษที่ผ่านมา [...]

และถ้าคุณอ่านบทกวีของฉัน หรือแม้แต่ได้รับ หนังสือบทกวีของฉันมาก่อน คุณคงจะอ่านมัน และเข้าใจว่ามัน ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย! ฉันเขียนบทกวีนี้เพราะ เราเลิกกันแล้ว - ฉันมีคู่หมั้น อยู่ก่อนอดีตสามี [...] ดังนั้นเราจึงเลิกกันในที่สุด และนั่นคือวิธีที่ฉันเขียนบทกวีนี้ มันอกหักเหมือนกับว่า "ถ้าฉันตายพรุ่งนี้ ฉันจะทิ้งมรดกนี้และ มรดกนั้นไว้ให้คุณ" จริง ๆ แล้วฉันไม่มีอะไรมาก มันเป็นเพียงบทกวี แบบ: "ฉันรู้สึกว่างเปล่า ชีวิตฉันว่างเปล่า และอกหัก" นั่นเพื่อเขา [...] ฉันเสียใจมากอยู่แล้ว แต่ฉันก็ยุ่งมากด้วย และเขาก็ดำเนินชีวิตของเขาต่อไป ส่วนฉันก็ดำเนินชีวิตของฉันต่อไป

หลังจากนั้นฉันก็ได้พบกับ คู่หมั้นคนที่สองของฉัน ซึ่ง เป็นหมอที่แต่งงานกับฉัน คุณคงรู้จักเขาดี เขามีรูปถ่าย และอื่น ๆ มากมายให้คุณได้ดู เขาไม่ได้อายุมากกว่าฉัน เหมือนที่พระคนหนึ่งโกหกไว้ คือ พระ ติช มินห์ ตันห์ เขา (พระที่สวมผ้า คาดเอวหลากสี) บอกว่าสามีของฉัน อายุแก่มาก และเขาพาฉันไปเยอรมนี จากเวียดนาม มันไม่จริงเลย เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย หรือบางทีเขาอาจจงใจพูดไป ว่า ฉันมีค่าพอที่จะได้ เจอผู้ชายแก่ ๆ คนหนึ่ง

Apr. 12, 2021, Thích Minh Tánh: แม่ชีชิงไห่ไปต่างประเทศ ท่านทำงานเป็นพยาบาล (ค่ะ) และให้การรักษาใน... ตอนอยู่ที่เวียดนาม [ท่าน] พบชาวเยอรมัน เขาเป็นชายแก่แล้ว ท่านแต่งงานกับเขา แล้วเขาก็พาท่านไปเยอรมนี

ไม่ ไม่เป็นความจริง เขาอายุแก่กว่าฉันเพียงหนึ่งปี [...] และบทกวีที่ฉันเขียนนั้น สำหรับคู่หมั้นคนแรก ฉันบอกชื่อเต็มของเขาไม่ได้ แต่ฉันบอกได้ว่าชื่อของ เขาคือ โจเชน เค โจเชน เค ก็คือ "เค" เหมือนกับคำว่า “คิง" แต่ฉันไม่อยาก บอกชื่อทั้งหมด ตอนนี้คุณก็รู้แล้ว มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง กับ เจิ่นตั๋ม เลย และถ้าคุณอ่านบทกวีนี้ คุณจะรู้เรื่องนี้ ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ ต้นฉบับไม่มีคำว่า “เจิ่นตั๋ม” ในนั้นเลย “เจิ่นตั๋ม” ในนั้นเพียงหมายถึง “ฉันจากโลกนี้ไปแล้ว และ หัวใจของฉันไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป” แค่นั้น

แล้วคุณลองจินตนาการถึง คนชั้นต่ำเช่นนี้ ที่ใช้ บทกวีอันเศร้าโศกของคนอื่น เพื่อเขียนเป็นพินัยกรรม ให้กับตัวเอง? พินัยกรรม พินัยกรรมของฉัน! โอ้ พระเจ้า ฉันยังไม่ตายเลย และผู้สืบทอดจะมาถึงก็ต่อเมื่อ มีคนเกษียณอายุหรือเสียชีวิต ฉันยังทำงานให้คุณ ตลอดเวลานี้ ฉันไม่เคยเกษียณ และหากฉันมีผู้สืบทอดที่ดีพอ ที่จะเป็นผู้สืบทอด ของฉัน ฉันคงจะรู้สึก ดีใจและภาคภูมิใจมาก ที่จะบอกให้คนทั้งโลกรู้ ทำไมฉันไม่พูดอะไรเลย? และลูกศิษย์ของฉันไม่มีใครรู้เลย ยกเว้นกลุ่มคนบางกลุ่ม สักแห่งในเอาหลัก (เวียดนาม) ที่เปราะบาง และไร้เดียงสาพอที่จะเชื่อ ว่าคำสองคำในบทกวีนั้น เป็นของเขา ไม่ พระเจ้า! คนชั่วร้ายเช่นนี้ ฉันจะเขียนบทกวี ให้เขาได้อย่างไร?

และซูตัง (พระสงฆ์พเนจร) ติช มินห์ ตันห์ ไม่เพียงแต่โกหกเกี่ยวกับ สามีที่ที่ฉันแต่งงานด้วยเท่านั้น เขาโกหกเรื่องมากมาย แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา ปกติแล้วฉันไม่รู้จักเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉัน รู้จักเขาและการพูดของเขา- เมื่อหลายเดือนก่อน แต่ฉันก็เพียงแค่ไม่สนใจมัน เพราะฉันคิดว่า “โอ้ นั่นมันขยะอีกเรื่องหนึ่ง" เรื่องนินทาอีกเรื่อง และการใส่ร้ายอีกรูปแบบหนึ่ง ฉันจะปล่อยให้พวกปีศาจนรก จัดการกับพวกประเภทนี้เอง” แต่ยังไงก็ตาม เรากำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ดังนั้น ในกรณีที่คุณสับสน ฉันคิดว่าฉันมีหน้าที่ ที่จะต้องอธิบายให้คุณฟัง

ฉันไม่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ ทั้งหมดของเขากับพิธีกร ชาวเอาหลัก (เวียดนาม) ที่สวยงามคนนี้ที่ไหนเลย แต่แล้วสมาชิกในทีมของคุณ คนหนึ่งก็ส่ง ทุกอย่างมาให้ฉัน ดังนั้นฉันคิดว่าฉันรู้สึก จำเป็นต้องอธิบาย เรื่องทั้งหมดนี้ให้คุณฟัง ในกรณีที่คุณสับสนเกี่ยวกับ สิ่งที่เขาพูด ซึ่งขัดแย้ง กับสิ่งที่คุณได้ยินจากฉัน สิ่งที่คุณได้ยินจากฉัน เป็นเรื่องจริง 100% เสมอ เพราะว่าฉันปฏิบัติตามสัจธรรม ฉันจึงต้องพูดความจริง เพราะว่าถ้าคุณฝึกฝนสัจธรรม แต่คุณพูดเท็จ คุณจะ ไม่มีวันเข้าถึงสัจธรรมได้ ก็เหมือนกับว่าถ้าคุณ ต้องการไปให้ถึงทิศใต้ แล้วคุณพูดถึงทิศเหนือ อยู่เรื่อย และมุ่งหน้า ไปที่ทิศเหนือ คุณจะไม่มีวันไปถึงทิศใต้ได้เลย - ง่าย ๆ แค่นั้นเอง แต่การโกหกนั้นถือเป็นการปฏิบัติ ปกติของผู้ใต้บังคับบัญชาของมายา หรือผู้ปฏิบัติงานของชาวมายา นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาไม่มีมาตรฐานทางศีลธรรม พวกเขาไม่มี หลักการที่จะปฏิบัติตาม

พวกเขายังอ้างว่าปฏิบัติตาม พระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามสัจธรรม และได้รับศีล ให้พูดความจริง เป็นต้น แต่พวกเขาไม่เคยปฏิบัติตามเลย พวกเขาพูดอะไรก็ตาม เพียงเพื่อให้ตัวเองมีชื่อเสียง คุณอาจจะมีชื่อเสียงได้ แต่ไม่ใช่ในดินแดนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เห็นคุณ และทราบว่าคุณกำลังพูดอะไร ดังนั้น คุณจะบอกได้ว่า พระสงฆ์รูปใดเป็นพระสงฆ์พุทธแท้ หรือเป็นพระมายา คือเป็นพระปลอม เป็นพระก่อกวน หรือไม่เป็นพระจริง เพราะว่าเป็นพวกชอบต่อสู้มาก พวกเขาจะรังแกทุกคน ใครก็ตามที่พวกเขาทำได้ พวกเขาโกหกทุกเรื่อง เพื่อดึงดูด ความสนใจให้กับตัวเอง พวกเขาจะใช้ประโยชน์จาก ความดี ความร่ำรวย หรือ แม้แต่โทรทัศน์ของคนอื่น พวกเขาเชิญตัวเองเข้าไป พวกเขาทำให้ตัวเองดู น่าดึงดูดด้วยการโกหก เพื่อสร้างเรื่องราวที่เร้าอารมณ์ คล้ายกับข่าวบางอย่าง ที่ผู้คนอยากให้คนอื่น ให้ความสนใจ พวกเขาจะสร้างชื่อเรื่องที่ สร้างความฮือฮาหรือเล่าเรื่อง ที่ไม่เป็นความจริง หรือบิดเบือนเรื่องราว ไปในทิศทางที่ผิด

ด้วยวิธีนี้ คุณก็สามารถแยกแยะ พระมายา พระปลอม ออกจากกันได้ นอกจากนี้ ตามใน การดับสูญของพระธรรมสูตร ของพระพุทธเจ้า พระภิกษุ ในยุคที่ธรรมสิ้นสุดลงนี้ - พระปลอม พระที่ทำงานให้กับมายา ไม่ใช่ทำงานเพื่อพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ทำงานเพื่อประโยชน์ ของมนุษย์ ถึงแม้ว่า เขาจะพูดพล่ามแบบนั้นก็ตาม – พระภิกษุประเภทนี้ เขาจะสวม กาสาวพัสตร์ (จีวร) สีสันสดใส

คุณคงเห็นได้ว่า: เขา (ติช มินห์ ตันห์) มักสวม มักสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสอยู่เสมอ และอะไรก็ตามที่เขาพูดล้วนเป็นเรื่อง ปลอม – อย่างน้อยก็ที่เกี่ยวกับฉัน โดยปกติแล้วฉันจะไม่อ่าน ทั้งหมดเพราะว่าฉันเบื่อมาก ฉันเลยบอกว่า "นินทาอีกแล้ว ใส่ร้ายอีกแล้ว" ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเขา และฉันไม่เคยจำได้เลยว่า เคยพบเขาในชีวิต บางทีเขาอาจรู้จักฉัน เพราะว่าทุกคนรู้จักฉันอยู่แล้ว แน่นอน แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเคยได้ยิน บทกวีประเภทนี้ที่เขาแต่ง ให้ฉันมาก่อน

Apr. 12, 2021, Thích Minh Tánh: ฉันเขียนบทกวี และรถตำรวจสามคันก็มาถึง และเกือบจะจับกุมฉัน ฉันเขียนบทกวีนี้ และมันเป็น หัวข้อที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน มันกระทบไปถึงเรื่องศาสนา ตำรวจมาถึงทันทีหลังจากที่ ฉันอ่านบทกวีจบ พวกเขาโทรเรียกตำรวจ ให้เข้ามาทันที

ฉันจำไม่ได้ว่าเคย ได้ยินอะไรเกี่ยวกับรถตำรวจสามคัน ที่วิ่งมาหาเขาเลย มันเป็นเพียงการแสดงละคร - ละครเวทีห่วย ๆ และถึงแม้ในตอนนั้น หากเขา แต่งบทกวีและอ่านให้พวกที่ เรียกว่าศิษย์ของฉันฟัง แน่นอน ว่าพวกเขาย่อมเชิญเขาออกไป หรือขอให้ตำรวจมาจับเขาออกมา เพราะเขากำลังทำให้อาจารย์ ของพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียง แน่นอนคุณปกป้องอาจารย์ของคุณ คุณรักอาจารย์ของคุณ ดังนั้นคุณจึงโทรเรียกตำรวจ และบอกให้พวกเขาพา ผู้ชายคนนี้ออกไปจากที่นั่น เพราะว่าเขาเป็นคนไม่ดี ในกลุ่มของเรา โชคดีที่ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น ฉันจำไม่ได้ว่าเคยไปที่นั่นเลย ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น ไม่เช่นนั้นฉันคงขอให้เขา อธิบายเรื่องเท็จทั้งหมด เกี่ยวกับฉัน

ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเขา ฉันไม่เคยพูดผิด ๆ เกี่ยวกับเขาสักคำเดียว ฉันไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว จนกระทั่งเมื่อหลายเดือนก่อน อาจจะเป็นเดือนมีนาคม หรืออะไรประมาณนั้น อาจจะประมาณครึ่งปีก่อน มากหรือน้อยประมาณนั้น เวลาผ่านไปเร็วมาก และฉันก็ยุ่งมาก ดังนั้น ฉันจึงบังเอิญเลื่อนโทรศัพท์ ที่ "ไม่มีซิมการ์ด" ของฉัน ตามที่ฉันได้บอกคุณไว้ก่อนหน้านี้ นั่นเป็นวิธีที่ฉันรู้ข่าวบางอย่าง ทุกอย่างก็เกิดขึ้น ต่อหน้าต่อตาฉัน นั่นคือวิธีที่ฉัน “พบ” ผู้ชายคนนี้บนอินเทอร์เน็ต

ฉันไม่ได้อ่านมัน มีคนส่งข้อมูลทั้งหมดนี้มาให้ ฉันฟังเกี่ยวกับการพูดคุยครั้งนี้ ฉันไม่ได้อ่านบทสนทนาทั้งหมด ฉันเบื่อมาก แต่ตอนนี้ที่พวกเขาส่ง ข้อมูลมาให้ฉัน ซึ่งเป็น คำพูดเต็ม ๆ ของเขา ฉันคิดว่าฉันจำเป็นต้องชี้แจงมัน มิฉะนั้น บางคนอาจจะ ได้รับข้อมูลผิด เพราะ เขาแค่ใส่ร้ายฉัน ไม่ใช่แบบแยบยลด้วยซ้ำ เขาเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ในวิดีโอเขาทำท่า เหมือนจะโค้งคำนับฉัน แต่เขากลับ ใส่ร้ายฉันอย่างรุนแรง นั่นเป็นเหตุว่าทำไมฉันคิดว่า ศิษย์ของฉันจึงโทรเรียกตำรวจมา เพื่อขอให้เขาออกไป เราคือผู้ปฏิบัติธรรม เราไม่พาใครขึ้นศาล เราจึงขอให้ตำรวจ นำตัวเขาออกไป นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ฉันจำอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้ไม่ได้เลย ฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับบทกวีนี้ และเรื่องตำรวจ

ที่เรียกตัวเองว่าศิษย์ของฉัน ไม่มีใครบอกฉันเกี่ยวกับเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นบทกวี เรื่องตำรวจ หรือสิ่งใด ๆ เลย ฉันรู้เรื่องนี้มาเพียง ประมาณครึ่งปีเท่านั้น นั่นคือความจริง พระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นพยานของฉัน ยังมีเรื่องโกหกอีกมากมายที่เขาพูด เพื่อให้ได้รับชัยชนะ เพียงเพื่อ ใส่ร้ายฉัน เพียงเพื่อทำให้คน เช่นฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง คุณไม่จำเป็นต้องเหยียบย่ำคนอื่น เพื่อที่จะก้าวขึ้นไปข้างบน นั่นจะส่งผลเสียตามมา เพราะว่าหากคุณโกหกเกี่ยวกับ คนบริสุทธิ์และคนดีบางคน ในเวลาต่อมา ผู้ติดตาม ของคุณอาจบังเอิญรู้เรื่องนี้ และชื่อเสียงของคุณเอง ก็จะพังทลายไปในที่สุด ใช่แล้ว มันเป็นอย่างนั้น หากฉันไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติธรรม หรือเป็นผู้แสวงหาสัจธรรมทาง จิตวิญญาณ ฉันคงฟ้องเขาเองไปแล้ว แต่ฉันก็ให้อภัยเขาแล้ว ขอให้พระพุทธเจ้าทั้งปวงให้อภัย ผีก่อกวนตนนี้ด้วยเถิด

เขาเป็นผีก่อกวน ไม่ใช่แค่เพียงการดูเหมือน และสวมจีวรแบบผีก่อกวน พระภิกษุ (หลากสี) ที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงอธิบายไว้ ทรงแสดงและสั่งสอนเรา ถึงวิธีการสังเกต แต่เขาเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฉันเห็นแล้ว ฉันลองตรวจดูเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้ว และฉันรู้ว่าเขาเป็นผีก่อกวน โดยปกติแล้วฉันไม่สนใจเรื่องนั้น แต่ฉันคิดว่า ควรอธิบายทุกอย่างให้คุณฟัง

มีเรื่องโกหกอีกเรื่องหนึ่ง – เรื่องโกหกมากมายที่เขาเล่าไว้ที่นี่ ทุกสิ่งที่เขาบอกเป็นเรื่องโกหก ยกเว้นชื่อของฉัน ชิงไห่ เหมือนอย่างที่เขาพูด ฉันแทบจะ เป็นเหมือนพยาบาลในโรงพยาบาล ในเอาหลัก (เวียดนาม) เลย และแล้วฉันก็ได้พบกับสามีของฉัน ซึ่งเป็นสามีชาวเยอรมัน – สามี ชาวเยอรมันที่ “แก่ แก่มาก” ตอนนั้นเขาหน้าตาหล่อและหนุ่ม มีผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้า และมีบุคลิกที่งดงาม อ่อนโยน อ่อนโยนมาก ฉันไม่รู้ว่าฉันจะสามารถพบ ใครสักคนที่น่าดึงดูดและ อ่อนโยน ใจกว้าง และใจดี มีความรักและความหลงใหล เหมือนผู้ชายคนนั้นได้หรือเปล่า ฉันคิดว่าตัวเอง โชคดีและโชคร้าย ที่ได้ทิ้งเขาไป แสวงหาพุทธภาวะ แต่ฉันได้พบเขาที่เยอรมนี ตอนที่ฉันทำงานให้กับ คาร์ริตัสในอัลลาช

ฉันได้พบกับเขา หลังจากที่ฉันทำงาน ให้กับผู้ลี้ภัย ชาวเอาหลัก (เวียดนาม) บางคนก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน เพื่อนร่วมงานของฉัน ก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน มันไม่มีอะไรเป็นความลับ พระภิกษุคนแรก (ที่พึ่งพิง) ของฉัน เถ่ย (อาจารย์) ติช นู เดียน และแม่ชี เดียวอัน และติช เทียน ฮว่า มินห์ ตัม – ฉันลืมชื่อบางส่วน – พวกเขาทั้งหมดรู้เรื่องนี้ พระภิกษุและภิกษุณี จำนวนมากมาเยี่ยมบ้านเรา บ้านสามีของฉัน และบ้านฉัน บางทีพวกเขานอนค้างคืน แล้วฉันก็ทำอาหารให้พวกเขากิน ทั้งหมดนั้น ดังนั้น จึงไม่ใช่ความลับ ว่าฉันแต่งงานกับเขาที่เยอรมัน และพบเขาที่เยอรมนี

แล้วเขาก็โกหกเรื่องนั้น เขาพยายามจะกดฉันลงจริง ๆ ไม่ใช่แบบค่อยเป็นค่อยไปด้วยซ้ำ แต่โจ่งแจ้งว่าเขาพูดอย่างอื่น อีกมากมายในภายหลัง เช่น ใส่ร้ายฉัน และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยการโจมตีทางกายภาพ – โจมตีฉันทางกายภาพ ไม่ใช่ด้วยการตบ แต่ด้วยคำพูด และนั่นก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นพระภิกษุ แล้วคุณเห็นบุคคลน่าเกลียด ไม่น่าดู คุณจะ ไม่มีวันพูดกับเขาว่า "คุณน่าเกลียดมาก" “คุณพิการ” หรืออะไรทำนองนั้น นั่นไม่ใช่ความเมตตา มันไม่ใช่สุภาพบุรุษ ดังนั้น เขาไม่ดีอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติของคนทำงานมายา พวกเขาไม่มีความเมตตา ไม่มีความรัก ไม่มีศีลธรรม ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ไม่มีอะไรเลย ทุกสิ่งที่เขากล่าวเป็นเรื่องโกหก

ยกเว้นแต่เขาว่าฉัน ขอ (พึ่งพา) กับอาจารย์ ติช นู เดียน ของฉัน เขารู้จักสามีของฉัน เราทั้งสองก็ไป วัดด้วยกันและไป เยี่ยมพระภิกษุและ แม่ชีด้วยกันด้วย และพระภิกษุและแม่ชี ก็มาที่บ้านของฉันด้วย มีพระสงฆ์อีกมากมาย ฉันจำชื่อพวกเขาไม่ได้แล้ว เจ้าอาวาสวัดในปารีส เป็นต้น เช่น ชู่ (เจดีย์) คานห์ อันห์ ครูคนแรกของฉัน ติช นู เดียน ยังเดินทางไปนิวยอร์ก เพื่อตามหาฉันด้วย และเจ้าอาวาสวัดคานห์ อันห์ ในปารีสได้เดินทาง ไปไต้หวัน (ฟอร์โมซา) เพื่อพบฉันใน ช่วงที่ฉันเข้าร่วม พิธีบวชเป็นแม่ชีเต็มตัว พวกเขาต่างก็รักฉันมาก ฉันเป็นที่รักมาก และมีชื่อเสียงมาก และได้รับเลือกให้ เป็นรองประธานของชาวพุทธ ชาวเอาหลัก (เวียดนาม) และนักเรียนในประเทศเยอรมนี โดยอาจารย์ของฉันเอง และ เพื่อนร่วมงานของฉัน และ ผู้นับถือศาสนาพุทธคนอื่น ๆ

แล้วเขาก็บอกว่าฉันไป ไต้หวัน (ฟอร์โมซา) เพื่อไปหาติช ติญ ฮันห์ ฉันไปที่นั่นเพื่อรับศีล ของภิกษุณี แม่ชีเต็มตัว และพวกเขาก็แนะนำให้ฉันรู้จัก กับอาจารย์ติช ติญ ฮันห์ ฉันเขียนเกี่ยวกับเขาในนิตยสาร เวียน เกียก ของอาจารย์ ติช นู เดียน ด้วย ฉันเขียนถึงเขา ฉันเขียนถึงเขาอย่างดี และบอกว่าฉันอาศัยอยู่ที่นั่น คณะสงฆ์ชาวพุทธไต้หวัน (ฟอร์โมซา) แนะนำให้ฉันรู้จัก กับพระติช ติญ ฮันห์ เนื่องจากเขาเป็นพระสงฆ์ ชาวเอาหลัก (เวียดนาม) ที่นั่น แล้วเขาก็พาฉันไปที่วัดของเขา เพื่อให้ฉันได้พักอยู่ที่นั่น และเขา (ติช มินห์ ตันห์) บอกว่า ติช ติญ ฮันห์ ไม่ต้อนรับฉัน นั่นไม่เป็นความจริง ชื่อของฉัน ชิงไห่ หรือ ทันห์ไห่ มาจาก เชื้อสายอาจารย์ของ ติช ติญ ฮันห์ ดังนั้น อาจารย์ของฉันอีกคน จึงตั้งชื่อให้ฉันว่า ติช ถิ เหงียน และอาจารย์ ติช ติญ ฮันห์ผู้นี้ได้ตั้งชื่อ ให้ฉันว่า ติช ทันห์ ไห่

แต่ทุกอย่างก็มาด้วยกันหมด แม้คำทำนายทั้งหมดก็ กล่าวถึงชื่อของฉันด้วย มันต้องเป็นชื่อนั้น ฉันต้องอยู่ที่ไต้หวัน (ฟอร์โมซ่า) ฉันต้องอยู่กับคุณติช ติญ ฮันห์ ถึงจะได้ชื่อนั้น ฉันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับ พวกนั้นมาก่อนเลยแน่นอน! นั่นก็เป็นเรื่องโกหกอีกเรื่องหนึ่ง หลังจากพระติช ติญ ฮันห์แล้ว ฉันได้พบกับอาจารย์เซิงเยน และฉันได้ไปพบเขา เพื่อศึกษาต่อในวัดของเขา ในนิวยอร์ก เขาเชิญฉันจริง ๆ ฉันเพิ่งพบเขาสองครั้ง ครั้งหนึ่ง เขาอยู่ในวัดของ พระติช ติญ ฮันห์ อีกครั้งหนึ่ง เขาอยู่ในวัดของเขา แล้วเขาก็ชวนฉัน ไปนิวยอร์กกับเขา: ถ้าฉันต้องการไป เขาก็จะทำเอกสาร ให้ฉันไป แล้วฉันก็ไปที่นั่น แต่หลังจากนั้นฉันก็ไม่สามารถ อยู่ได้นานนักเพราะเรื่องวีซ่า – คนอเมริกันไม่ยอมให้ วีซ่าแก่ฉันเพื่อเดินทางต่อ ฉันอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งปี และวีซ่าก็ไม่ได้รับการต่ออายุ ดังนั้น ฉันจึงต้อง กลับไต้หวัน (ฟอร์โมซา)

ก่อนหน้านั้นฉันศึกษา ในวัดต่าง ๆ และ ศาสนาต่าง ๆ มากมาย แม้แต่ศาสนาทิเบต (ศาสนาพุทธ) ศาสนาฮินดู ศาสนาซิกข์ และศาสนาเชนเล็กน้อยด้วย แต่ฉันไม่เคยเรียนเวทมนตร์เลย และเขายังบอกอีกว่าฉัน เรียนเวทมนตร์ชั่วร้ายมา นี่มันเรื่องโกหก เขาเป็นคนโกหก แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องโกหก เขาก็ควรจะรู้ว่าหากคุณ ต้องการพูดถึงใครสักคน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายเกี่ยวกับคน ๆ นั้น คุณควรจะรู้จักบุคคลนั้น อย่างถ่องแท้ ทั้งชีวิต - และประวัติของเขาหรือเธอ แต่ไม่ว่าเขาจะเล่าอะไรที่นี่ ยกเว้นว่าฉันอยู่ที่ไต้หวัน (ฟอร์โมซา) กับพระติช ติญ ฮันห์ และอยู่ที่เยอรมนี กับพระติช นู เดียน ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น เขาแต่งเรื่องขึ้นมาเพียงเพื่อใส่ร้ายฉัน

ฉันไม่เคยเรียนเวทมนตร์เลย ฉันมีพลังวิเศษอยู่ในตัวฉันเอง ต่อมา ฉันจึงได้ค้นพบมัน แต่ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้มัน และในกลุ่มของฉัน ในสมาคมของเรา ฉันไม่อนุญาตให้ใคร ใช้พลังวิเศษเลย ยกเว้นครั้งหนึ่ง หรือสองครั้งที่เราเพิ่ง พูดคุยกันถึงเรื่องนี้เท่านั้น แต่ไม่มีใครควรใช้พลังวิเศษ ในสมาคมของเรา หรือใน ความเชื่อทางศาสนาของเรา คุณสามารถถามศิษย์ของฉันคนใด ก็ได้แล้วพวกเขาจะบอกคุณ คนใดคนหนึ่งในนั้น เพียงเลือกพวกเขาคนใดคนหนึ่ง

และเขา (ติช มินห์ ตันห์) โจมตีร่างกายของฉัน (รูปลักษณ์ภายนอก) เช่นกัน นั่นเป็นสิ่งหนึ่ง – ฉันบอกคุณไปแล้ว – มันไม่ใช่เรื่องของพระสงฆ์ มันไม่ได้มีความเมตตา มันไม่ใช่สุภาพบุรุษเลย

Apr. 12, 2021, Thích Minh Tánh: ศาสนาซิกข์เต็มไปด้วยพลังลึกลับ และการปฏิบัติที่ลึกลับ (โอ้ เรียนรู้ เกี่ยวกับพลังวิเศษ) ศึกษาเรื่องสิ่งที่ถือว่า เป็นเวทมนตร์ดำ (ค่ะ) เกี่ยวกับการปฏิบัติลึกลับ นั่นคือสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้ แม่ชีชิงไห่ศึกษาหนักมาก จนปากของท่านเบี้ยว ปากเบี้ยว

ดังนั้น คุณจะเห็นว่า เขาไม่ใช่พระภิกษุแท้ และในบทกวีของเขา เขาพูดเหมือนกับว่า เขาเป็นคนเมตตาและใจดี แต่เขากลับใส่ร้ายฉัน ทั้งหมด ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ โดยปกติแล้วฉันไม่ได้อ่าน ทั้งหมดนั้น แต่พวกเขา ส่งมันมาให้ฉันทีหลัง ดังนั้น ฉันอ่านมันแค่ในตอนนี้ ฉันหมายถึงไม่กี่วันก่อน ไม่ถึงหกเดือนที่แล้ว หรือสอง สามเดือนที่แล้วด้วยซ้ำ

เขาไม่รู้เรื่อง เกี่ยวกับพุทธศาสนาเลย เขาแค่ท่องจำพระนาม พระพุทธเจ้าหลายองค์ เพื่อประทับใจคนเปราะบาง คนที่ไม่มีเวลา ศึกษาพระสูตรเพียงพอ แล้วเขาก็บอกว่าฉันไปที่... บางทีอาจจะเป็นวิถีนอกรีต และเขาได้ไปศึกษาพระพุทธศาสนา แต่เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนาเลยแม้แต่น้อย หลักพื้นฐานคือคุณจะ ไม่โจมตีผู้อื่นที่ ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อคุณ หรือต่อใครเลย และคุณไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับสิ่งที่คนนั้น กำลังสอนผู้อื่น หรือว่าเขามีอิทธิพลต่อผู้อื่นอย่างไร สิ่งที่ฉันทำคือสอนผู้คน อย่างน้อยศีลห้าข้อ: ห้ามโกหก ห้ามลักทรัพย์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส ห้ามเสพยาเสพติด ห้ามดื่มสุรา และห้ามเล่นการพนัน และอื่น ๆ และคุณไม่ฆ่า หรือทำร้ายผู้อื่น อหิงสา การไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีอะไรผิดกับเรื่องนั้น และนั่นก็ไม่ใช่เวทมนตร์

เราไม่ใช้เวทมนตร์ในกลุ่มของเรา มันเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับฉันด้วย ฉันใช้มันแค่ครั้งเดียว เท่านั้นเพื่อรักษาชาวสุนัขของฉัน เพราะยาต่าง ๆ ไม่สามารถช่วยเขาได้ และเขากำลังจะตาย เขาไม่สามารถเดินได้เลย แล้วฉันก็ไม่สามารถพาเขาออกไปอึ /ฉี่ได้ เพราะว่าฉันตัวเล็กเกินไป เขาตัวใหญ่เท่ากับฉันเลย คุณคงรู้จักชาวสุนัขนั้น - กู๊ดเลิฟ ที่น่ารักของฉัน ผู้ที่ยัง ปกป้องฉันอยู่จนถึงทุกวันนี้ หากฉันต้องการใช้ พลังวิเศษของฉัน พระรูปนี้ (ติช มินห์ ตันห์) คงจะตายไปแล้ว หรือไม่ก็ต้อง เกิดเรื่องผิดปกติกับเขา ฉันไม่สามารถ ฉันจะไม่ทำ และคุณก็รู้เรื่องนี้

ทุกคนสามารถท่อง นะโม อมิตาภพุทธะ นะโม ศากยมุนีพุทธเจ้า อะไรก็ได้ ฉันบอกกับทุกคนว่าพวกเขา สามารถเรียนสมาธิกับฉันได้ ในขณะที่พวกเขายังคง นับถือศาสนาของพวกเขาอยู่ จริง ๆ แล้ว ฉันเพิ่งบอกคุณไป และฉันก็บอกคุณเรื่องนี้ มาหลายครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้ จริง ๆ แล้ว ฉันได้สอนผู้คนให้ท่องชื่อ ผู้ก่อตั้งศาสนา พระนาม พระพุทธเจ้า หรือชื่อนักบุญ ฉันไม่ได้ขอให้คนอื่นท่อง "นัม โม ทันห์ไห่ วู ถ่ง ซือ" นั่นก็เป็นเรื่องโกหกเหมือนกัน เขาบอกว่าฉัน "บังคับ ลูกศิษย์ให้ท่องชื่อนั้น" และท่องชื่อของฉัน "นัม โม ทันห์ไห่ วู ถ่ง ซือ" ฉันไม่เคยทำเลย ไม่มีวัน

Apr. 12, 2021, Thích Minh Tánh: แม่ชีชิงไห่เดินตามเส้นทางแห่งความ ชั่วร้าย – ฉันพูดอย่างตรงไปตรงมา และฉันเดินตามแนวทางพุทธศาสนา เราแต่ละคนก็เดินตามเส้นทางของตัวเอง แต่ฉันยังห่วงใยแม่ชีชิงไห่ ท่านมีความสามารถมาก แต่ท่านกลับหลงผิด โดยประกาศตนเองแทนที่จะสวดว่า “นะโม อมิตาภพุทธเจ้า” “นะโม พระศากยมุนีพุทธเจ้า” หรือ “นะโม กวนอิมโพธิสัตว์” ท่านให้ศิษย์ของท่านสวดว่า “นะโม อนุตราจารย์ชิงไห่” เหมือนกับว่าไม่มีครูองค์ใด ในโลกที่จะสูงส่งกว่าท่าน ท่านอ้างว่าตนเป็นพระเจ้าสูงสุด เป็น พระพุทธเจ้า “นะโม อนุตราจารย์ชิงไห่”

ที่เรียกว่าศิษย์ของฉันถามว่า “เมื่อทำสมาธิแล้วมีปัญหา จะทำอย่างไร?” ฉันบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เรียกหาฉันได้เลย ฉันจะมาช่วยคุณ” แค่นั้นแหละ “เรียกชื่อฉันสิ ฉันอยู่ใกล้ ๆ” แค่นั้น

และบางคนก็ทำอย่างนั้นมาก่อนแล้ว และพวกเขาก็บอกว่ามันช่วยได้ ฉันจึงบอกว่า “ทำต่อไป” แล้วพวกเขาก็เขียน "นะโม ชิงไห่ อู่ ฉ่าง ซือ" เป็นภาษาจีน ในไต้หวัน (ฟอร์โมซา) แล้วก็ติดไว้ บนรถของพวกเขาและวิ่งไป ทั่วไต้หวัน (ฟอร์โมซา) แล้วยังทำให้ คนภายนอกสวดชื่อเราด้วย ซึ่งไม่ใช่วีแกน ไม่ถือศีลห้า ไม่บริสุทธิ์เพียงพอ และพวกเขาสวดชื่อฉัน เพื่อขอพร อาจจะเรื่องทางโลกบ้าง มันทำให้ฉันได้กรรมมากมาย ฉันจึงขอร้องศิษย์ของฉันว่า “โปรดหยุดสิ่งนั้น อย่าติดสโลแกนนั้นไว้ บนรถของคุณหรือบอก ผู้คนเช่นนั้นอีกต่อไป พวกเขาจะต้องช่วยเหลือตนเอง พวกเขาจะต้องบริสุทธิ์ก่อน ไม่อย่างนั้น มันก็ไม่สำเร็จ และแค่รบกวนฉันมากเท่านั้น" ทุกคนที่เรียกหาฉัน และไม่บริสุทธิ์พอ ถ้าอย่างนั้นก็แน่นอน สร้างปัญหาให้ฉัน

แต่ฉันเป็นพุทธะ นั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ฉันไม่เพียงแต่เป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่ฉันยังเป็นอีกอย่างหนึ่ง ที่ฉันไม่อยากบอกคุณด้วย ฉันยังเป็น 轉輪聖王 (กษัตริย์ผู้ทรงหมุนแห่งวงล้อธรรม) ที่ทั้งจักรวาลรู้ หากคุณไม่เชื่อฉัน คุณก็ขึ้นไปถามพระพุทธเจ้า ถามเทวดา ถามนักบุญและปราชญ์ พระโพธิสัตว์ - ท่านใดก็ตามที่คุณรู้จัก - พวกท่านจะบอกคุณว่า ฉันเป็นพระพุทธเจ้า ฉันคือพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า และเป็นกษัตริย์ ผู้ทรงหมุนวงล้อแห่งธรรม ฉันต้องการทุกสิ่งนั้นเพื่อที่จะ ดูแลโลกของเราในตอนนี้ ไม่มีใครสามารถ ทำได้ในขณะนี้ และนั่นคือความจริง ที่ฉันกำลังบอกคุณ เชื่อหรือไม่ก็ตาม ฉันต้องบอกความจริงกับคุณ เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับที่นี่ ฉันไม่ได้ภูมิใจที่เป็นพระพุทธเจ้า หรืออะไรก็ตาม ฉันเอาแต่วิ่งหนีจากอันตราย และคนเลว ๆ - คนเลว ๆ เช่น ติช มินห์ ตันห์ ที่นี่ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับใครเลย เขาไม่ได้เรียนมากนัก เขาแค่พูดมาก คุยโว เพียงเพื่อจะเรียกร้องความสนใจ และหลาย ๆ คนก็เชื่อเช่นนั้น เพราะเขาเป็นพระภิกษุ หรือที่ เรียกกันว่า พระภิกษุนั่นเอง

พระสงฆ์รูปใดเล่าที่สวมกาสาวพัสตร์ (จีวร) สีสันฉูดฉาดเช่นนี้? เพื่ออะไร? พระพุทธเจ้าไม่เคยสวมเช่นนั้น และพระภิกษุที่ดีองค์อื่น ก็ไม่มีสวมแบบนั้น พระภิกษุบางรูปอาจจะยัง ไม่บรรลุธรรมมากนัก แต่ พวกเขาไม่ได้สวมจีวรหลากสี เช่นนี้ เพียงเพื่อต้องการ ดึงดูดความสนใจให้มาที่ตนเอง คุณไม่ได้เป็นนักแสดงละคร หรือดารา คุณไม่จำเป็นต้องใช้สีทั้งหมดนี้ เพื่ออะไร? เว้นแต่ว่าคุณจะรักมันมากจริง ๆ มีหลากสีสัน... และนั่นเป็นงานหนักมาก สำหรับช่างตัดเสื้อ พวกเขาต้องตัดสีต่างกัน ออกไปทั้งหมดจาก ผ้ามีหลายประเภท และใช้เวลา ในการทำนานมาก และมันยังทำให้ผ้าสวย ๆ ใหญ่ ๆ หลายผืนเสียหายไป พร้อม ๆ กันด้วย เพราะจากผ้า แต่ละผืนคุณต้องตัดแค่ชิ้น เล็ก ๆ เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น แล้วมันก็ทำให้ผ้าเสียหายมากมาย นี่เป็นการสิ้นเปลืองผ้า ทำแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ฉันไม่เห็นประเด็นอะไรในเรื่องนั้น

ฉันไม่ได้ภูมิใจที่จะพูดว่า ฉันเป็นพระพุทธเจ้า ฉันเป็นพระพุทธเจ้า และถ้าหาก คุณสำนึกผิดและกลับคืนสู่ ธรรมชาติดั้งเดิมของคุณ ความบริสุทธิ์และความเมตตา เป็นวีแกน สำนึกผิดต่อพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ต่ออาจารย์ทั้งหลาย ต่อ พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เมื่อนั้น ฉันจะให้อภัยคุณ ในพระนามของ พระเจ้า ในพระนามของพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ฉันมีพลังที่จะช่วย วิญญาณของคุณได้ ช่วยคุณให้พ้น จากนรกได้ และนั่นคือความจริง หากนี่เป็นเรื่องโกหก พระพุทธเจ้า ทั้งหลายคงฆ่าฉันตาย ฉันจะ ไม่มีวันเป็นชิ้นเดียวกันอีกต่อไป ฉันไม่ได้ประกาศตัวเองว่าเป็น พระพุทธเจ้า – ฉันคือพระพุทธเจ้า แต่เดิม ฉันก็ไม่อยากจะพูด แบบนั้นเลย แต่พระเจ้าและ พระพุทธเจ้าทั้งหลายบอกฉันว่า ฉันต้องพูดในเวลาที่โลกของเรา ประสบเหตุฉุกเฉินเช่นนี้

ฉันไม่เคยบอกว่า ว่าฉันชื่อชิงไห่ ฉันได้รับชื่อนั้นจาก อาจารย์ติช ติญ ฮันห์ ในไต้หวัน (ฟอร์โมซา) จากนั้น เขาก็ส่งฉัน ไปรับศีลเป็นภิกษุณี แล้วฉันก็ไปอยู่วัดนั้น กับเขาเรื่อยมา จนกระทั่งอาจารย์เซิงเหยิน – พระติช ทันห์ เหงียม – เชิญฉันไปที่นิวยอร์ก และทุกคนก็รู้เรื่องนั้นดี – อาจารย์ติช ติญ ฮันห์ รวมไปถึงลูกศิษย์ พระภิกษุและภิกษุณี ทุกคนก็ทราบเรื่องนี้ ฉันไม่สามารถตั้งชื่อนั้นให้กับตัวเอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ฉันจำเป็นต้องมีอีกชื่อหนึ่ง ฉันมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ถิ เหงียนแล้ว จาก ติช นู เดียน อาจารย์คนแรกของฉัน

ดังนั้น เขา (ติช มินห์ ตันห์) จึง โกหกทุกเรื่อง โกหกทุกเรื่อง เพียงเพื่อให้ฉันดูต่ำต้อย เพราะว่าเขากลัวชื่อเสียงของฉัน และกลัวความรักที่คนอื่น มอบให้ฉันทุกที่ที่ฉันไป และ กลัวความรักจากบรรดาผู้ที่เรียกว่า ศิษย์ของฉัน นั่นคือ เหตุผลว่าทำไมเขาถึงกลัวมาก เขาต้องขึ้นไปบนเวที เพื่อใส่ร้ายฉันแบบนั้นด้วย

และเขาก็มาสร้าง รบกวนให้กับพิธีกรสาวสวย ของช่องที่งดงามนี้ - ที่ฉันเพิ่งรู้จัก เมื่อหกเดือนที่แล้ว โดยประมาณ – เพียงเพื่อ เสียเวลาของเธอ เสียเวลา ของผู้ชม เพียงเพื่อฟัง เขาต่อว่าและใส่ร้ายฉัน แต่ฉันทำอะไรกับใครบ้างล่ะ? ฉันเคยสอนให้คนขโมย ฆ่า หรือทำความชั่วบ้างไหม? ไม่เลย! ฉันสอนแต่สิ่งดี ๆ ให้กับทุกคน: คุณต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ คุณต้องซื่อสัตย์ คุณต้องออกไปหาเลี้ยงชีพ และฉันยังหาเลี้ยงชีพด้วย การช่วยเหลือคนยากจนด้วย

ตัวอย่างบางส่วนของการบริจาค ของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ เพื่อสาธารณประโยชน์ทั่วโลก & ประมาณการการบริจาคทั้งหมด สำหรับปี 1989-2024

ฯลฯ...

ยอดรวมโดยประมาณ*: ตั้งแต่ มกราคม 1989 ถึงกันยายน 2024 76,369,822 ดอลลาร์สหรัฐ (บวกกับอีกมากที่ไม่ได้ระบุไว้ที่นี่) (การประมาณการเหล่านี้ ไม่ได้รวมการบริจาคอื่น ๆ มากมาย ที่ท่านอาจารย์ให้อย่างเงียบ ๆ หรือโดยสมัครใจ โดยไม่มีหลักฐาน หรือที่เราสูญเสีย การติดตามบันทึก และไม่ได้รวม การบริจาคใหม่ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เวลาที่ทำการคำนวณนี้)

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ (วีแกน) นั้น “ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ในการเป็นเภตราอันถ่อมตนให้กับ พระเจ้าผู้เป็นที่รักผู้ทรงฤทธานุภาพ สำหรับความช่วยเหลือใด ๆ ที่มอบให้ ลูกหลานอันล้ำค่าของพระองค์”

ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด เขาเลยใส่ร้ายฉันเพราะ เขาอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด ฉันไม่สามารถคิดอะไรอย่างอื่นได้ ถ้าเขาอ้างว่าเขาเคยเป็น เพื่อนสนิทของฉันมาก่อน ฉันสาบานต่อพระเจ้าได้เลยว่า ฉันจำเขาไม่ได้เลย ฉันไม่เคยรู้จักเพื่อนแบบนั้นมาก่อน จริง ๆ แล้ว ฉันไม่เคยมี เพื่อนสนิทเลย ไม่มีเพื่อนสนิทผู้ชายด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้จักเขา! เขาคงจะอิจฉาฉันมากถึงขนาดที่ เกลียดชังฉันในใจจนไม่อาจ ควบคุมตัวเองในฐานะพระภิกษุได้ พูดโกหกทั้งหลายเพื่อทำให้ ฉันต่ำต้อยลง หรือเพื่อที่เขา จะได้ลุกขึ้นมาหรืออะไรก็ตาม เขาอิจฉามากเกินไป เพราะว่า บางทีฉันอาจได้รับความรักจาก ผู้คนและศิษย์ของฉันมากก็ได้ บางทีอาจจะอย่างนั้นก็ได้ ฉันไม่เคยสอนอะไรผิดเลย ตลอดการบรรยายของฉัน ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา

แต่โอเค ฉันไม่ได้เกลียดเขา ฉันหวังว่าวันหนึ่ง เขาจะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ และมีวิวัฒนาการที่ดีขึ้น ก้าวเหนือสถานะปีศาจ สู่การเป็นมนุษย์ และกลายเป็นนักบุญ จะต้องสำนึกผิด ต้องกลับใจก่อน และกลับตัว และเขาจะต้องตัด เซิน ซี ของเขา (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) และความอิจฉาของเขาออกไป ความอิจฉาก็คือ เซิน ซี - ความโลภ ความโกรธ นี่ไม่ใช่แค่ความโกรธ แต่ มันเป็นความรุนแรงอย่างแท้จริง และก็ไม่มีคุณธรรม โดยเฉพาะสำหรับพระภิกษุสงฆ์ ฉันแนะนำให้เขากลับไปใช้ชีวิต ที่เรียบง่าย และมีเมตตากรุณามากขึ้น ไม่ใช่วิ่งไล่ตามชื่อเสียง และโชคลาภมากเกินไป มิฉะนั้น เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก และเขาก็แก่แล้ว เขาควรดูแล ชีวิตหน้าให้ดีกว่านี้ ไม่เช่นนั้น นรกจะสอนเขา และมันก็เจ็บปวดมาก

เขาควรที่จะสอนตัวเอง เขาไม่ควรสอนฉันอะไรเลย เขาไม่รู้อะไรเลย และเขาก็โกหกทั้งหมดแบบนั้น คนจะฟังเขาอย่างไร? ฉันจะฟังคนโกหกได้อย่างไร? ฉันจะไปเรียนกับ พระโกหกได้อย่างไร? ฉันไม่รู้ว่าเขาโกหก คนอื่นอีกกี่คน โกหกคนอื่นอีกกี่คนว่าเขา เป็นเพื่อนหรือรู้จัก คนอื่นอีกกี่คน จนทำให้เขามีชื่อเสียง แต่ฉันรู้เรื่องนั้นเกี่ยวกับตัวฉัน เพราะเขาพูดถึงฉัน ทั้งหมดโกหก 99.9% ยกเว้นชื่อของฉัน ทันห์ไห่

แม้แต่เขาก็ยังพูดตรงนี้ว่า “ฉันกอดเขาและบอกว่าฉันรักเขา” ใช่ ฉันให้อภัยเขาและฉันรักเขา และขอให้พระเจ้าทรงอวยพรเขา ขอพระพุทธเจ้าทรงช่วยวิญญาณ ของเขาด้วยเถิด เพราะ เขามีความหนักหนาสาหัสมาก เพราะงั้นออร่าของเขาถึงมืดมิดมาก หวังว่าเขาจะไม่แพร่เชื้อ ให้กับคนที่เข้าใกล้เขา เพราะคนทำงานมายาก็มี ด้านมืดแบบนี้ในตัว บางทีพวกเขาอาจแสดงแสงสว่าง เพียงเล็กน้อยเพื่อหลอกลวงผู้คน แต่คนส่วนใหญ่ที่มี ตาที่สามเปิดอยู่ ซึ่งมี พลังจิต พวกเขาจะมองเห็นออร่า ของเขาซึ่งมืดมิดมาก ไม่ใช่ดำทีเดียว มันเป็นเพียงสีน้ำตาลกาแฟ และมีรูอยู่ในนั้น นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ที่คุณสามารถมีได้ ยกเว้นสีดำ

เขาพูดว่าเขารักฉันอยู่เรื่อย ฉันไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ แต่ขอบคุณสำหรับความรักของคุณ แต่คุณยังคงพูดว่าคุณรัก ใครสักคน และพูดใส่ร้ายท่าน พูดเรื่องส่วนตัวของท่าน แม้กระทั่งชื่อ ส่วนตัวของท่าน และ เรื่องอื่น ๆ ทั้งหมด มันไม่ใช่ชื่อส่วนตัวของฉัน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่ควรทำแบบนั้น นั่นเป็นพฤติกรรมที่หยาบคายมาก ๆ และเป็นพฤติกรรมที่ต่ำช้ามาก ฉันต้องบอกเลย และฉันก็ไม่ได้เสียใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาได้รับมัน เขาได้เริ่มมัน

ฉันไม่เคยรู้จักเขาเลย ฉันไม่รู้ว่าทำไม เขาต้องลากฉันออกมา และใส่ร้ายฉันและพูด สารพัดเรื่องที่ไม่เป็น ความจริงเกี่ยวกับฉัน ฉันไม่เข้าใจมัน และถ้าเขาสามารถอ่านภาษาอังกฤษ หรือภาษาเอาหลัก (เวียดนาม) ได้ เขาก็ต้องรู้ว่า ฉันสอนสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด ฉันพูดถึงพระพุทธเจ้าด้วย ฉันอ่านพระสูตรพระพุทธศาสนา และเรื่องราวทางพุทธศาสนา สารพัดเรื่องให้บรรดาลูกศิษย์ของ ฉันฟังตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ฉันไม่จำเป็นต้องให้เขาเรียกฉันว่า พระพุทธเจ้า พระภิกษุ หรือภิกษุณี ฉันไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับ จากเขาเพื่อทำสิ่งที่ฉันทำ

เราแต่ละคนมีอิสระ ในการใช้ชีวิต เพียงแต่ไม่มีอิสระ ในการใส่ร้ายผู้อื่น ใส่ร้ายโดยไม่มีเหตุผล นั่นก็คือในทางกายภาพ ในกฎหมายของชาติ ก็ห้าม พูดถึงการเป็นพระภิกษุ ที่มีศีล 250 ข้อด้วย คนอื่นเรียกคุณว่า “ซื่อฝู่” แปลว่า “อาจารย์” และ “คุณพ่อ” แล้วคุณก็พูดแบบนั้นเกี่ยวกับ เด็กสาวผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง แม้ว่าท่านจะไม่ใช่แม่ชีก็ตาม ท่านเป็นหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่อันตราย บริสุทธิ์ แล้วคุณพูดจาแบบนั้น? คุณใส่ร้ายท่าน ดูหมิ่นท่าน เรียกชื่อ ท่านด้วยชื่อที่ไม่เหมาะสม หรือ ทำให้ชื่อเสียงของเธอเสื่อมเสีย หรืออะไรก็ตาม เพื่ออะไร? ท่านทำอะไรกับคุณหรือ ใครก็ตามบนโลกใบนี้? ไม่มีเลย ท่านช่วยเหลือผู้คนเพียงในด้าน การเงิน จิตวิญญาณ และร่างกาย ไม่ว่าอะไรที่ท่านจะสามารถทำได้ พระอย่างคุณ หากคุณเป็นพระสงฆ์จริง ก็เป็นเรื่องน่าละอายสำหรับ ประเทศของเรา เอาหลัก (เวียดนาม) เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ชื่อเสียง ของประเทศเราในระดับนานาชาติ จะเกิดขึ้นได้หากมีคนที่เรียกว่า พระสงฆ์เช่นคุณเกิดขึ้น ดังนั้นคุณควร ตรวจสอบตัวเอง ก่อนที่จะใส่ร้ายใคร

ตอนนี้คุณรู้แล้วว่ามีการโกหกมากมาย โลกนี้มีคนโกหกมากมาย บางคนโกหกด้วยเหตุผลที่เลวร้ายที่สุด เช่น นำคนอื่นให้ตกนรก นี่เป็นเรื่องโกหกที่เลวร้ายที่สุด ที่คุณสามารถทำได้ และชายเหล่านี้ คือ เจิ่นตั๋มและเหว่บู๋ ฉันช่วยพวกเขาไว้ได้ หลายครั้ง – อย่างน้อยก็สองครั้ง เท่าที่พยานบางคนเห็น คราวอื่นไม่มีใครเห็นเพราะ ไม่มีใครอยู่กับฉันเลย แต่มากกว่าสองครั้งแล้ว พวกเขาก็ยังไม่สำนึกผิด เพราะการช่วยเหลือในโลกทิพย์ นั้นแตกต่างจากการช่วยเหลือ ในโลกแห่งกายภาพ การช่วยเหลือในโลกกายภาพ เป็นเรื่องง่าย ทุกคนก็สามารถมองเห็นได้ บางทีคุณอาจจะได้รับบาดเจ็บหรือ คุณอาจจะตาย ผู้คนจะรักษาคุณ และทำให้คุณมีชีวิตอีกครั้ง สำหรับกายทิพย์มันต่างกัน คุณจะต้องไปที่ โลกทิพย์เพื่อดูมัน และร่างกายภาพของ ตัวตนในโลกทิพย์นั้นยังไม่รู้ ด้วยซ้ำว่าเขากำลัง ถูกลงโทษในนรก นั่นคือสิ่งที่เป็นอยู่

แต่เขาจะตายในเร็ว ๆ นี้ คนแบบนี้ไม่ค่อยมีอายุยืนยาว พวกเขาจะตาย แล้วพวกเขาจะรู้เอง พวกเขาอาจจะป่วยทางกายและ อื่น ๆ อีกมากมาย แต่ พวกเขาจะไม่เข้าใจ ว่ามันเกี่ยวข้องกับการลงโทษ ทางวิญญาณในนรกหรือเปล่า มันเป็นอย่างนั้น ดังนั้นมนุษย์จำนวนมาก จึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ สิ่งที่พวกเขาทำผิด และพวกเขา ถูกลงโทษจำคุก หรือถูกเผาในนรกไปแล้ว จนกระทั่งออกจากร่างกายไปแล้ว พวกเขาจะรู้ อย่างนั้นมันจะสายเกินไปแล้ว

ดังนั้น ฉันขอเตือนพวกคุณทุกคน มนุษยชาติ โปรดเถิด นรกมีอยู่จริง และแม้ว่าคุณ จะยังมีชีวิตอยู่ทางกายภาพ กายทิพย์ของคุณอยู่ในนรกแล้ว แค่รอให้คุณ ละทิ้งร่างกาย แล้วคุณจะรู้ทุกอย่าง คุณจะได้เห็นทุกอย่าง มันเป็นกายที่ขัดขวางไม่ให้คุณ เห็นโลกที่เลวร้าย และสวรรค์ที่ดีงาม นั่นคือสาเหตุที่มนุษย์ ใช้ชีวิตอย่างโง่เขลา น่าเสียดาย! โปรดตื่นเถอะ โปรดตื่นเถอะ ได้โปรด เชื่อฉันเถอะ ฉันไม่ได้อะไรจากการ บอกความจริงทั้งหมดกับคุณเลย โปรดตื่นขึ้น และสำนึกผิด เป็นวีแกน รักษาสันติภาพ ทำความดี หาอาจารย์ หากคุณต้องการกลับบ้าน หาอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่รู้แจ้ง และมีค่าควร อย่าเพียงแค่ฟังคำพูดของพวกเขา ดูดวงตาของพวกเขาดูว่าพวกเขาทำอะไร และตัดสินพวกเขาอย่างถูกต้อง ก่อนที่คุณจะมอบใจของคุณ ให้กับพวกเขา

คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อฉัน หรือติดตามฉัน เพียงแค่ทำตามหัวใจของคุณ จงหาอาจารย์ และพึ่งพิงเขาหรือเธอ หรือหาพระรูปหนึ่ง และท่อง พระนามของพระอมิตาภพุทธเจ้า ด้วยกันกับเขา เพราะถ้าพระรูปนั้นเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และจริงใจในการปฏิบัติธรรม เขาก็จะมอบ พลังบางส่วนให้คุณด้วย หากคุณดีกับเขา เขาจะปกป้องคุณ เขาจะพาคุณขึ้นไปสูง อาจจะยังไม่สูงกว่า ระดับที่สาม แต่คุณก็มีโอกาสที่จะได้พบ กับอาจารย์คนอื่น ๆ บนสวรรค์ชั้นสูงกว่า และคุณจะสามารถเรียนรู้เพิ่มเติม แทนที่จะลงนรก หรือกลับไปสู่ โลกกายภาพที่วุ่นวาย ซึ่งจะทำให้คุณสับสน เสื่อมถอย ทำให้คุณตาบอดเข้าร่วมทำกิจกรรม และสถานการณ์อันเสื่อมถอยต่าง ๆ จนทำให้คุณลืมพระเจ้า ลืมพระพุทธเจ้า ลืมตัวคุณเอง นั่นคือปัญหา

ดังนั้นจงโปรดไปหาอาจารย์ หรือหาพระ พระรูปใดก็ตาม ที่มีความจริงใจ และศรัทธา ในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง อย่าไปฟังพระ ที่พูดว่าดินแดนของอมิตาภะ ไม่มีอยู่จริง คุณรู้ไหมว่าพระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงเล่าเรื่องนี้ ให้ราชินีในเรือนจำเกี่ยวกับ ดินแดนของพระอมิตาภพุทธเจ้า อย่างละเอียด พระศากยมุนีพุทธเจ้าไม่ทรงพูดเท็จ ใครจะกล่าวเท็จเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร? เราจึงถือว่าโชคดีที่ยังมี พระสูตรของพระอมิตาภพุทธเจ้าอยู่ จงค้นหามัน พิมพ์ อ่าน ซื้อ ยืม คัดลอก หรือทำอะไรก็ได้ที่คุณทำได้ ท่องพระนามพระอมิตาภพุทธเจ้า ทั้งวันและคืน หากคุณไม่สามารถทำ สิ่งอื่นใด หากคุณไม่มีเวลาทำสิ่งอื่นใด - พระอมิตาภพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นที่พึ่งของคุณ ได้โปรด ฉันบอกคุณด้วยหัวใจทั้งดวงของฉัน ฉันแค่อยากจะช่วยคุณเท่านั้น และเพราะคุณไม่ไว้ใจฉัน ฉันจึงบอกคุณหลาย ๆ สิ่ง เพื่อคุณโดยเฉพาะ

คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อฉัน คุณไม่จำเป็นต้องติดตามฉัน แค่ทำอะไรสักอย่าง มิฉะนั้น เราจะไม่มี เวลามากมายอีกแล้วที่จะโต้เถียงกัน ว่าใครดีใครไม่ดี แค่ดูแลตัวเองให้ดี อธิษฐานต่อพระเจ้า อธิษฐานต่อ พระพุทธเจ้าที่คุณศรัทธา มีพระพุทธเจ้าในโลกนี้มีมากมาย เพียงแต่พระอมิตาภพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าที่คุณ เข้าถึงได้ง่ายที่สุด เพราะคำปฏิญาณที่เมตตาของพระองค์ ที่จะช่วยคุณได้หากคุณเรียกหาพระองค์ ดังนั้นจงทำเป็นนิสัย เรียกหาพระองค์ เพื่อที่คุณจะนึกถึงพระองค์ ทันทีที่คุณออกจาก โลกปลอม ๆ นี้ พระองค์จะพาคุณ กลับคืนสู่บ้านที่แท้จริงของคุณ!

และอย่าไปติดตาม พระใด ๆ แม้มีชื่อเสียง หรือเป็นพระมานาน หรือมีแม่ชีและพระ จำนวนมากติดตามเขา ถ้าเขาไม่เชื่อใน พระอมิตาภพุทธเจ้า และถ้าเขากล่าวว่า นรกไม่มีอยู่จริง เหมือนกับติช นัท ตื่อ แบบนั้นแล้ว เขาคือมายา เขาทำงาน ให้พลังลบ เขาไม่ดีสำหรับคุณ โปรดไปติดตามอาจารย์ ผู้ศรัทธาในพระพุทธเจ้า และเชื่อจริง ๆ ว่า ดินแดนของพระอมิตาภะมีอยู่จริง ฉันรับประกันว่ามีจริง ฉันรู้จักดินแดนนั้น แม้แต่ลูกศิษย์หลายคนของฉัน ก็รู้จักดินแดนแห่งนี้ เราไป ๆ มา ๆ ที่นั่นได้ โปรดเชื่อเถอะ โปรดเชื่อใน พระอมิตาภพุทธเจ้า ตามที่พระศากยมุนีพระพุทธเจ้า บอกคุณไว้ คุณจะต้องเชื่อพระองค์ และนรกก็มีอยู่จริง – ไม่เหมือนที่ ติช นัท ตื่อ กล่าวว่านรกไม่มีอยู่จริง และไม่ได้มีการกล่าวถึงจนกระทั่ง 500 ปีหลังพระพุทธเจ้า ไม่ใช่

ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสไว้ และนาน นาน นานก่อนหน้านั้น ในพระสูตรพระกษิติครรภ์ เช่นกัน คุณก็รู้ เดี่ย ตัง เหวือง คินห์ เดี่ย ตัง เหวือง บู่ ตั๊ด นรกทั้งหมดกล่าวไว้ อย่างละเอียดชัดเจน ตามที่อธิบายไว้ในพระสูตรนั้น คุณอ่านทั้งหมดนั้น และปัจจุบันนี้ ในอีกวนเต๋า หรือในศาสนาอื่น ๆ พวกเขายังไปนรกด้วย ไปเยือนนรกเพื่อกลับมา เขียนเรื่องนรก และพวกเขายังไปสวรรค์อีกด้วย ไปเยือนสวรรค์แล้วกลับมา เขียนหนังสือ หนังสือเกี่ยวกับนรก หนังสือเกี่ยวกับสวรรค์ คุณสามารถหาได้ทุกที่ จากผู้ถ่ายทอดเรื่อง นรกและสวรรค์ตัวจริง เช่น พระพุทธเจ้าจี้กง เต๋อกง ฝัดสง เต๋อกง พระพุทธเจ้าจี้กงผู้มีชีวิต เสด็จลงนรกและขึ้นสวรรค์ เพื่อกลับมา ช่วยผู้ถ่ายทอดบันทึก สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดลง ให้กับคุณ กรุณาค้นหาดู นรกมีจริง! ฉันขอสาบานต่อเหล่าพระพุทธเจ้า และพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ว่าฉันบอกความจริงกับคุณ อย่ารอจนคุณไปที่นั่น แล้วตรวจดู แล้วบอกว่าฉันพูดถูก ฉันไม่ต้องการแบบนั้น ได้โปรด นรกมันน่ากลัว! เป็นความทุกข์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด โปรดมุ่งสู่สวรรค์ มุ่งสู่ดินแดนพระพุทธเจ้า

บางคนอาจคิดว่า ติช นัท ตื่อ ไม่ได้แนะนำ สิ่งที่ไม่ดีแก่ผู้คน เช่น ไปลักขโมย ฆ่า หรือทำสิ่งชั่วร้าย การกล่าวว่าไม่มีดินแดน ของพระอมิตาภพุทธเจ้า และไม่มีนรก เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้ว เลวร้ายยิ่งกว่าอาชญากรรมใด ๆ ที่เขาสามารถทำกับผู้มีศรัทธาได้ เพราะการทำลายศรัทธาของผู้คน แบบนั้นจะทำให้พวกเขา ง่ายต่อการถูกโจมตีจากด้านลบ เพราะพวกเขาจะว่างเปล่า พวกเขาไม่มีที่ให้วิ่งหนีไป พวกเขาจะไม่มีที่พึ่ง และหากผู้คนเชื่อว่า ไม่มีนรก พวกเขาก็จะทำสิ่งที่เลวร้าย ต่อระบบของรัฐบาล ต่อสังคม ต่อผู้คน ต่อเพื่อนบ้าน ต่อครอบครัวของเขา เพราะพวกเขาเชื่อว่า ไม่มีนรก หากพวกเขาเชื่อติช นัท ตื่อ พวกเขาจะทำสิ่งเลวร้ายทุกอย่าง ไม่มีใครต้องบอกพวกเขา ให้ทำชั่ว พวกเขาก็จะทำชั่ว นั่นคือความผิดที่เลวร้ายที่สุด ที่คุณจะกระทำได้ เมื่อคุณไม่เชื่อในดินแดน พระพุทธเจ้า และไม่เชื่อเรื่องนรก ดังนั้นฉันขอบอกคุณ: อยู่ให้ห่าง จากคนประเภทนี้

Photo Caption: ไปให้สูง ไม่ต้องสนใจสิ่งที่อยู่ข้างล่าง!

ดาวน์โหลดรูปภาพ   

รับชมเพิ่มเติม
ทุกตอน  (5/11)
รับชมเพิ่มเติม
วีดีโอล่าสุด
แบ่งปัน
แบ่งปันไปที่
ฝัง
เริ่มที่
ดาวน์โหลด
โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ
ไอโฟน
แอนดรอยด์
รับชมในบราวเซอร์ในโทรศัพท์มือถือ
GO
GO
Prompt
OK
แอพ
สแกนโค้ดคิวอาร์ เลือกระบบโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เพื่อดาวโหลด
ไอโฟน
แอนดรอยด์